" อย่ารอจนกว่าปัจจัยต่างๆจะพร้อมสำหรับการเริ่มต้น
เพราะการเริ่มต้นต่างหากที่จะทำให้ปัจจัยทุกอย่างพร้อมเอง"
ในวินาทีแรก ที่เรามีความคิดมากพอจะถามตนเองว่า
"ทำไม" และ "อย่างไร" มนุษย์ก็เริ่มแสวงหาหนทางใหม่
ที่จะเปล่งศักยภาพตนเองให้สูงสุด ในบรรดาความปรารถนา
อันมากมายหลากหลายของมนุษย์ ความปรารถนาสูงสุดประการหนึ่งก็คือ บินให้ได้อย่างนก
บินไปให้สูง จนถึงสรวงสวรรค์ และไปให้ไกลยังดินแดนลึกลับ
ที่รอคอยการค้นพบและถ้าหากมัวแต่ฝันไม่ได้ลงมือทำหรือมัวจะรอปัจจัยต่างๆฝันที่เราเคยวาดไว้อย่างสวยหรูจะไม่มีวันเกิดขึ้นหากเราไม่มีคำว่า "
เริ่มต้น
"
" พี่น้องตระกูลไรท์ทำความฝันนั้นให้เป็นจริง
ติดปีกให้มนุษยชาติโบยบินไปในอากาศ "
ตอนเด็กไครหลายๆคนอาจมีคำถามว่า " มนุษย์เราบินได้หรือไม่
และ มนุษย์เราจะบินได้อย่างไร "
ซึ่งในอดีต การที่ใครสักคนจะเดินบนอากาศหรือบินได้นั้น
เป็นเพียงตำนานที่กล่าวถึงผู้มีอิทธิฤทธิ์และพลังพิเศษเท่านั้น
ความคิดเหล่านี้พบได้ตามนิทาน ภาพวาดสมัยโบราณ
ภาพสลักโบราณสถานหรืออาจเป็นเพียงเรื่องเล่าที่บอกต่อๆกันมาเท่านั้นตัวอย่างเช่น
Icarus & Daedalus ของกรีกที่ได้สร้างปีกจากขนนกติดด้วยขี้ผึ้ง
บินหลบหนีจากเงื้อมมือของกษัตริย์ไมนอสแห่งครีตจากเกาะที่คุมขัง
จากตัวอย่างที่ยกมานั้นนั่นเป็นเพียงแค่ตำนานหรือเรื่องเล่าที่กล่าวขานถึง
การบินได้ของมนุษย์
ซึ่งการบินอยู่บนท้องฟ้าถือว่าเป็นความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์และเป็นเวลาหลายศตวรรษที่มนุษย์หาวิธีที่จะบินให้ได้
ต่อมาในปีค.ศ.1483ศิลปินเอกของโลกและนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งหลายคนรู้จักชื่อของ Leonardo da Vinci
ได้ริเริ่มทำการบินโดยศึกษาการทำงานของปีกนกเขาประดิษฐ์ปีกนกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อติดเข้ากับแขนและร่อนลงมาจากที่สูง
แต่ผลการทดลองไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ทำการบินต้องตกลงมาไม่เป็นท่าจนได้รับบาดเจ็บ
แต่นั้นก็เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น
ต่อมาในปี ค.ศ.1903 สองพี่น้องตระกูลไรท์ได้สร้างเครื่องบินลำแรกของโลกได้เป็น
ผลสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา กิจการบินก็มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น จนกระทั่งทุกวันนี้
" ซึ่ง 2พี่น้องตระกูลไรท์นี่เองที่เป็นคนที่ติดปีกให้แก่มวลมนุษย์
เพราะเขาทั้งคู่คือผู้ให้กำเนิดเครื่องบิน"
สองพี่น้องตระกูลไรท์นี้ มีชื่อว่า วิลเบอร์ ไรต์
และ ออวิลล์ ไรต์ บิดาของเขาเป็นนักบวชชื่อว่า มิลตัน ไรท์ ส่วนมารดาชื่อว่า
ซูซาน ไรท์ ทั้งสองได้รับการศึกษาเพียงแค่ชั้นมัธยมเท่านั้น
หลังจากออกจากโรงเรียนแล้ว วิลเบอร์ได้เปิดโรงพิมพ์และร้านซ่อมจักรยานขึ้นที่ เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ และเมื่อออร์วิลเรียนจบก็ได้มาทำงานในร้านซ่อมจักรยานของวิลเบอร์
ทั้งสองมีความใฝ่ฝันที่จะบินอยู่ตลอดเวลา
ต่อมามีข่าวการทดลองเครื่องร่อนในเยอรมันของลิเลียนธาล
แต่การบินครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้ลิเลียนธาล ต้องเสียชีวิต
แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ยังมีความสนใจเรื่องการบินต่อไป
ต่อมาทั้งสองได้เขียนจดหมายไปยังสถาบันสมิธโซเนียน(The
Smithsonian Institute) ในปี ค.ศ. 1900 พวกเขาตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื่องบินนั้นมีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อนทำด้วยโครงเหล็ก
ส่วนปีกทำด้วยผ้า
และใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้า และก็ได้นำเครื่องบินทดลองบินในเดือนพฤษภาคม
ในครั้งนั้นแม้เครื่องบินจะสามารถบินได้
แต่ก็เป็นเวลาเพียง 1-2 วินาที และยังไม่สามารถควบคุมทิศทางของการบินได้
เมื่อยังได้ผลไม่น่าพอใจ ในปี 1901 ทั้งคู่ได้กลับไปที่เมืองเดย์ตัน
เพื่อสร้างเครื่องบินลำที่ 2 โดยปรับปรุงข้อบกพร่องต่างๆ
ทำให้เครื่องบินลำที่ 2 มีขนาดที่ใหญ่กว่า และรูปร่างที่ต่างจากเดิม
แต่อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องก็ยังไม่ถูกขจัดออกไปได้หมดสิ้น
ยังมีอุปสรรคเรื่องน้ำหนักและความสามารถในการขึ้นบินให้ทั้งสองต้องบากบั่นกันต่อไป
หลังจากนั้นทั้งสองสร้างเครื่องบินเพื่อทดสอบขึ้นอีกหลายลำ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
จนครั้งหนึ่ง วิลเบอร์ ไรท์ เคยท้อแท้ถึงกับกล่าวว่า"ต่อให้สักพันปีมนุษย์ก็บินไม่ได้หรอก"
ดีที่นี่เป็นเพียงคำตัดพ้อ ทั้งคู่ไม่ได้ย่อท้อต่อสิ่งเหล่านั้นจริงๆ พวกเขายังคงทดลองต่อไป จนกระทั่งเริ่มพบจุดผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ในปี ค.ศ. 1902 ทั้งคู่คาดว่า
การใส่เครื่องยนต์ให้กับเครื่องร่อนนั้น จะทำให้เครื่องบินสามารถบินได้ไกลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มีการสร้างอุโมงค์ลมขึ้นเพื่อนความกดอากาศขึ้นตามคำแนะนำของออคตาฟ ชานุท
ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศ ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นและเพิ่มหางเสือ
เข้าทางด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อควบคุมทิศทางการบิน
ปีกของเครื่องบินเป็นปีก
2 ชั้นมีขนาดยาวแต่แคบกว่ารุ่นก่อน
สามารถขยับขึ้นลงได้ต่างจากเดิมที่เป็นแบบตายตัว แล้วทำการทดลองบินที่ที่คิลล์
เดฟวิลล์ ฮิลล์ อยู่นานถึง 39 วัน
และทดลองบินกว่า 1,000 ครั้ง และครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ประสบความสำเร็จมาก
ทั้งการควบคุมทิศทางและระยะเวลาที่เครื่องลอยตัวอยู่บนอากาศก็เป็นที่น่าพอใจ และนี่ก็เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่ทำให้พวกเขเดินหน้าเข้าสู่การสร้างเครื่องบินที่บินด้วยเครื่องยนต์
ในปี ค.ศ.1903
ทั้งสองได้ใส่ล้อให้กับเครื่องบิน เพื่อที่จะสามารถขึ้นบินได้โดยไม่ต้องเสียงดวงเอากับดินฟ้าอากาศ
รวมทั้งมีการสร้างทางวิ่งขึ้นของเครื่องบิน (Run Way)
ที่มีความยาว
600 เมตร เพื่อใช้ในการทดลองบิน และได้พัฒนาล้อให้เชื่อมต่อด้วยโซ่เข้ากับเฟืองของเครื่องยนต์
ทำให้สามารถวิ่งขึ้นได้เองไม่ต้องอาศัยแรงคน
การทดสอบการบินด้วย
เครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ครั้งสำคัญก็เริ่มขึ้น โดยในการทดสอบครั้งแรกวิลเบอร์ได้เป็นคนขับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
เครื่องตกลงมากระแทกพื้นได้รับความเสียหาย
จนต้องนำกลับไปซ่อม และต้องรออีก 3 วันต่อมาได้ทดสอบJ.T. Daniels,W.S. Dough, A.D. Etheridge W.C.
Brinkly Johny Moor Wilbur OrvilleWright ทำทดสอบเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ของเขา
ไร้วี่เเววของนักข่าวหรือประชาชนสนใจ เพราะไม่มีใครที่จะยอมเชื่อว่ามันจะบินได้จริงๆ
ณ เวลา 10.35 น. เครื่องบินลำแรกชื่อ ฟลายเออร์ (Flyer) Kitty
Hawk) ก็พร้อมที่จะออกบิน คราวนี้เป็นคิวของ ออร์วิลล์ขึ้นไปบังคับเครื่อง ครั้งนี้เครื่องบินทรงตัวอยู่กลางอากาศได้เป็นระยะเวลาถึง 12
วินาที และบินไกลจากจุดนำเครื่องขึ้น 120 ฟุต ในวันนั้นทั้งคู่ได้ทำการทดลองบินอีก 3 ครั้วโดยพลัดกันขึ้นบิน
และครั้งที่บินได้นานที่สุดคือครั้งที่วิลเบอร์ทำการบิน
โดยทำเวลาได้ถึง
59 วินาที และบินได้ไกลถึงได้ไกล 852 ฟุต
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการบินแบบใช้เครื่องยนต์ของสองพี่น้องนี้
นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งหนึ่ง ที่สามารถพลิกโฉมและสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งวงการการบิน
การทดลองครั้งต่อมาในปี ค.ศ.1905 พวกเขาก็ทำได้สำเร็จอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้า
"ฟายเออร์ ทรี" สามารถบิน
ขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างราบรื่นและการควบคุมเครื่องก็เป็นไปอย่างสมบูรณ์
ด้วยระยะการบินที่ไกลถึง 25 ไมล์
และเวลาที่นานถึง 38 นาที
ในปี ค.ศ.1908 เขาขึ้นบินอีกครั้งต่อหน้าสาธารณชน
พร้อมกับผู้โดยสารหนึ่งคน กับเครื่องบินที่มี
ความยาว 28 ฟุต ความยาวปีก 40 ฟุต
ใช้เครื่องยนต์ 20 แรงม้า
แน่นอนว่าเครื่องบินของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถบินได้เร็ว
56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอีกหนึ่งความสำเร็จในปีเดียวกันนี้คือ
วิลเบอร์สามารถพาเครื่องบินข้ามทวีป
ไปยังประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ
และในปีค.ศ.1909 ได้มีการสาธิตการบินทั้งในยุโรปและอเมริกาใน
ในปีนี้ออร์วิลสามารถบินข้ามช่องแคบ
อังกฤษได้สำเร็จและรัฐบาลสหรัฐฯ
ก็ได้ติดต่อให้สองพี่น้องเป็นผู้จัดหาเครื่องบินให้รัฐบาล
และเหตุการณ์นี้จึงทำให้ทั้งคู่ได้
ก่อตั้งบริษัทสร้างเครื่องบิน พี่น้องตระกูลไรท์
วิลเบอร์ ไรท์ เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1912 ด้วยโรคไทฟอยด์
ขณะมีอายุได้ 45 ปี
ส่วนออร์วิลเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1948 โดยทั้งคู่ไม่มีผู้สืบสกุลเลย
เพราะคนทั้งสองเป็นโสด